BLACK OCELOT -Chapter 3: I’m a mischievous cat-
Still-Life with Anemones - Monet (1885)
BLACK OCELOT
-Chapter 3: I’m a mischievous cat
“วันนี้ผมไม่ทำข้าวเย็นนะ”
“อ้าว
นายจะออกไปไหน”
“แล้วมันใช่ธุระของคุณหรือไง”
ร่างบางทำเป็นเลิกคิ้วกวนประสาทคนที่เพิ่งมาเคาะประตูห้อง
ผู้กองหนุ่มเม้มปากแน่นหลังจากที่ได้ยิน เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ให้ยกมือเขกหัวอีกฝ่าย
“ก็ถามไปงั้น
อยากรู้ที่ไหน”
“หรอ
แต่หน้าตาคุณบอกว่าอยากรู้เต็มที่เลยนะ”
“เออ...แล้วบอกไม่ได้จริงดิว่าจะออกไปไหน”
“คุณอย่ามาทำตัวเหมือนเป็นแฟนผมได้ไหม
เป็นเดือนแล้วนะที่คุณคอยเทียวไล้เทียวขื่อห้องผม เพื่อนผมก็คิดว่าคุณชอบผมกันหมด”
“แล้วชอบไม่ได้หรือไงล่ะ”
“อย่ามาตลกน่าผู้กอง
คุณชอบผู้ชายหรือไง”
“อาจจะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายเพราะนายก็ได้”
“ผมไม่หลงกลคุณหรอกนะ
คุณกำลังคิดทำอะไรอยู่ล่ะสิท่า” ร่างบางเบ้ปากก่อนจะเดินนำเข้ามาในห้อง
มันยังเหลือเวลาพอที่จะคุยกับผู้กองก่อนออกไปตามนัด
แทยงเดินไปเปิดตู้เย็นและหันไปหยิบแก้วเพื่อเอาน้ำไปให้ผู้กองหนุ่ม
แต่อีกฝ่ายกลับเดินตามเขามาติดๆ แล้วยืนปิดทางไว้
“เล่นอะไรของคุณ”
“ไปไหนบอกหน่อย”
“เอ๊ะ...ก็บอกว่าธุระๆ
มันก็หมายความว่าไม่อยากให้คุณรู้ไง”
“ก็เป็นห่วง
ฉันรู้ไม่ได้หรอ”
“เป็นห่วงหรือว่าจะตามจับผิดผมกันแน่”
“ทำไมนายคิดกับฉันในแง่ร้ายจัง”
“ก็ผมเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของคุณ”
“ถ้านายเป็นผู้ต้องสงสัยฉันไม่มามัวตามนายต้อย
ๆ แล้วขอร้องให้นายบอกว่าไปไหนหรอกนะ อีกอย่างเคสนั้นก็ปิดได้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน
ถึงจะหาตัวการใหญ่ไม่เจอก็เถอะ อย่างน้อยเราก็จับคนจ้างเขาได้”
“แล้วคุณจะมาตามผมทำไมล่ะ”
“นั่นน่ะสิ
ไม่รู้แฮะ สงสัยหัวใจเรียกร้องมั้ง”
“แหวะ...เดี๋ยวก็อ้วกใส่เสียเลย”
แทยงเบี่ยงตัวออกมาก่อนหนีไปนั่งที่โซฟา น้ำเนิ้มไม่ต้องดื่มแล้ว
ปล่อยให้คอแห้งตายไปเลย กวนประสาทกันอยู่ได้
“นายกินข้าวแล้วหรอ”
“ยัง
ผมว่าจะออกไปกินข้างนอกกับคนที่ผมจะคุยธุระด้วย”
“ใคร”
“ทำไมคุณต้องมาทำเสียงแข็งใส่ผมด้วยเนี่ย
ผมก็แค่อยากออกไปกินข้าวกับคนอื่นบ้าง”
“ก็อยากรู้ว่านายมีเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกที่ฉันเห็นด้วยหรอ”
“ผมก็ไม่ได้เพื่อนน้อยขนาดนั้นนะคุณ
แล้ววันนี้คุณเข้าเวรดึกหรอ”
“อือฮึ
วันนี้ฉันก็มีนัดสำคัญเหมือนกัน” ผู้กองหนุ่มตอบแล้วเปิดตู้เย็นดูว่ามีผลไม้หรือขนมอะไรให้เขากินบ้างก่อนจะหยิบแอปเปิลออกมาหนึ่งลูกแล้วกัดไปหนึ่งคำก่อนตอบร่างบาง
“ซื้อใช้ผมบ้างเหอะ
ไอ้ที่กินๆ ไปเกือบเดือนเนี่ย”
“ไว้วันหยุดค่อยไปเดินตลาดด้วยกันสิ
นายอยากซื้ออะไรเดี๋ยวฉันออกเงินให้หมดเลย ถือซะว่าจ่ายค่ากับข้าวย้อนหลัง”
“คุณก็ควรทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
“งั้นนายจะทำกับข้าวให้ฉันกินตลอดไปไหมล่ะ”
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
ก่อนจะยกมือขึ้นพาดบนพนักพิงแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ร่างบาง
สายตาทั้งคู่สอดประสานกันอยู่ชั่วครู่ แต่ร่างบางก็เห็นแค่แววตาเจือความซุกซนปราศจากความจริงใจ
จึงกลอกตามองเพดานก่อนจะถอนหายใจแรงๆ ใส่หน้าผู้กองหนุ่มแล้วเขยิบตัวหนี
“ไปเจ้าชู้ไกล
ๆ”
“เจ้าชู้ที่ไหน
ก็ถามในฐานะเพื่อนข้างห้อง”
“ผู้กองจะไม่แต่งงานรึไง
แล้วคิดว่าผมจะอยู่ที่นี่ตลอดไปงั้นหรอ เรียนจบผมก็ย้ายออกเถอะ
ไม่อยากอยู่ใกล้คนบ้าๆ แบบคุณ”
“ปากคอเราะร้ายขึ้นเยอะ
หมดแล้วมั้งความเกรงใจ”
“ก็หมดไปพร้อมกับคุณนั่นแหละ”
เสียงโทรศัพท์ของแทยงขัดจังหวะการลับฝีปากของทั้งคู่
ผู้กองหนุ่มทำเป็นไม่สนใจแต่ใช้หางตาเหลือบมองจอโทรศัพท์ของร่างบาง ส่วนแทยงก็รู้ตัวว่าต้องโดนสอดแนมจึงเดินเข้ามาคุยโทรศัพท์ในห้องนอนของตัวเองแทน
[คุณหนู
ผมว่าเราต้องเปลี่ยนที่นัดเจอ]
“อ้าว
ทำไมล่ะ”
[แถวนั้นมีตำรวจคอยสอดแนมอยู่
ผมว่าพวกเขาต้องรู้อะไรบางอย่างแล้วแน่ ๆ
ไม่แน่อาจจะรู้ว่าเราจะออกปล้นวันนี้ก็ได้]
“ถ้าอย่างนั้นไปเจอกันที่บ้านของเจไหม”
[เจจะให้เราเข้าไปเปลี่ยนชุดเตรียมของอะไรกันที่บ้านของเขาเหรอคุณหนู
แค่รู้ว่าพวกเราทำอะไร เคยรบกวนให้ช่วยนิดๆ หน่อยๆ เขาก็ปฏิเสธจนหัวแทบหลุด]
“เอาหน่า
เจก็แค่ทำเป็นปฏิเสธไปอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวฉันลองโทรหาเขาดูก่อนก็แล้วกัน”
[โอเค
ถ้าอย่างนั้นผมจะลองหาที่สำรองไว้]
“อื้อฮึ
แค่นี้ก่อน”
“แทยง
ดูเหมือนแขกนายจะมาแล้ว” ร่างบางขมวดคิ้วแน่นหลังจากที่ได้ยิน
เขาไม่ได้นัดใครไว้สักหน่อยแล้วใครดันโผล่มาหาตอนที่เขาจะออกไปทำธุระกัน
เดี๋ยวก็แผนแตกหมดน่ะสิ
“เอ่อ...ครับ
เดี๋ยวผมออกไปดูครับ”
“ไง...สวัสดีครับผู้กอง
เจอกันอีกแล้วนะครับ” ร่างบางออกไปเปิดประตูห้องก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
แขกของเขาคือคนที่เขาจะขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเพื่อนสนิทของเขาอีกคนก็ปรากฎตัวขึ้นราวกับสื่อสารกันทางจิตได้
จองแจฮยอนหรือเจโค้ดเนมที่มินฮยองใช้เรียก
(ถ้าใครเข้าขบวนการหมอนั่นก็ตั้งชื่อใหม่ให้หมด)
กำลังยืนยิ้มทักทายผู้กองหนุ่มอยู่หน้าห้อง
เพื่อนตัวสูงแอบยื่นมือมาสะกิดเขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับผู้กองหนุ่มเพื่อให้เวลาเขาได้ตั้งสติ
“จริงสิ
ผมเคยบอกกับคุณว่าถ้าเราเจอกันอีกครั้งผมจะแนะนำตัวใช่ไหมครับ ผมชื่อจองแจฮยอนครับ
ผมเพื่อนสนิทของแทยง”
“ยินดีที่ได้รู้จัก...นายนัดเพื่อนไว้ทำไมไม่ยอมบอกดี
ๆ ล่ะ” ร่างสูงหันมาพูดกับแทยงด้วยสายตากึ่งตำหนิ
เอาเหอะ...ก็เพิ่งรู้เหมือนกันเนี่ยว่านัดมันไว้
“นายมาไวจัง
กว่าจะถึงนัดเราก็อีกตั้งสิบนาทีแน่ะ”
“อ้อ
ฉันออกมาก่อนเวลาเพราะกลัวคนเยอะตอนขึ้นรถไฟ แต่วันนี้ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่
เราจะออกไปกันเลยไหมหรือว่านายจะคุยอะไรกับผู้กองก่อน”
“ไปเลยก็ได้
ฉันไม่ได้คุยเรื่องสำคัญอะไรกันหรอก คุณก็กลับห้องคุณไปได้แล้วผู้กอง”
“แล้วนายจะกลับมาตอนไหน”
“ผมอาจจะไม่กลับก็ได้
แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไมในเมื่อคุณกลับเช้า”
“ก็แค่อยากรู้ไง
เป็นห่วงเฉยๆ”
“หึๆ...อะแฮ่มๆ
แค่กๆ” แทยงหรี่ตามองเพื่อนเพราะเขารู้ว่าหมอนั่นกำลังหัวเราะแต่แกล้งทำเป็นไอค่อกแค่กกลบเกลื่อน
“เข้ามากินน้ำก่อนไหม”
ร่างบางแสร้งถาม
“ไม่เป็นไรๆ
ฉันรออยู่ตรงนี้ก็ได้ นายไปเตรียมตัวเถอะ”
“...คุณก็มาขวางทางผมอยู่ได้
กลับห้องคุณไปสิผู้กอง”
“ก็ได้
เฮ้อ...วันนี้ฉันก็ต้องกินข้าวคนเดียวอีกแล้วสินะ” ผู้กองหนุ่มทำเป็นถอนหายใจเหมือนเสียดายเต็มทีก่อนจะเดินออกจากห้องร่างบาง
แต่ก็มิวายปรายตามองว่าแทยงเดินหายเข้าไปในห้องนอนตัวเองรึยัง
เพราะเขายังมีเรื่องที่อยากคุยกับไอ้เด็กหน้าหล่อคนนี้
“นายเป็นเพื่อนสนิทแทยงจริง
ๆ หรอ”
“ครับ
ก็สนิทกันมาก สนิทกันจนมีคนเข้าใจผิดบ่อย ๆ ว่าผมกับแทยงเป็นแฟนกัน”
“แต่นายไม่ได้คิดแบบนั้นใช่ไหม”
“ผู้กองถามแบบนี้หมายความว่าคิดอะไรกับเพื่อนผมหรือเปล่าครับ”
“ฮ่าๆๆๆ
ใครจะไปชอบเด็กปากจัดแบบนั้นกัน ไม่น่ารักเลยสักนิด” แหม...เหงื่อตกเลยนะครับผู้กอง...เด็กหนุ่มวัยมหาลัยทำเป็นพยักหน้าเข้าใจแต่ก็แอบหันไปหัวเราะเบาๆ
กับตัวเองเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเก็บอาการโกหกไม่ได้ ไม่สมกับเป็นตำรวจเลยสักนิด
“ขอโทษที่ผมไม่น่ารักนะ
ไปกันเถอะแจฮยอน เดี๋ยวฟ้ามันจะมืดเสียก่อน”
“ฮะ...เฮ้ยคือฉัน...ไม่...โธ่เว้ย”
ผู้กองหนุ่มไม่ทันรู้ว่าแทยงเดินออกมาจากห้องแล้วได้ยินประโยคนี้พอดี
ร่างบางพูดแล้วคว้าแขนเพื่อนตัวสูงเดินออกไปจากหน้าห้องทันที
ทิ้งให้ผู้กองหนุ่มยืนทึ้งหัวตัวเองเพราะรู้สึกพลาดที่พูดแบบนั้นออกไป
“นายรู้ได้ไงว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ”
“ก็มาไปงั้น
คิดว่าเผื่อนายอยากให้ช่วยอะไร ฉันรู้ว่าวันนี้มันเป็นวันครบกำหนดพอดี”
“รู้ใจจริง
ๆ เลย ฉันกำลังมีปัญหาเรื่องฐานลับอยู่พอดี” แทยงยืดแก้มเพื่อนทั้งสองข้างก่อนจะถูกปัดออกอย่างแรงด้วยความรำคาญ
แต่เขาไม่โกรธหรอกเพราะแจฮยอนก็ไม่ได้ทำแบบจริงจังสักเท่าไหร่
พวกเขาเล่นแบบนี้กันเป็นปกติ
แจฮยอนก็เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นแบล็คโอเซลอตแค่สองสามเดือนก่อนหน้านี้
หมอนั่นไปหาเขาที่บ้านแล้วกำลังเจอเขาในจังหวะที่กำลังจะถอดชุดอยู่พอดี
ตอนแรกที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังก็โดนบ่นจนหูชาไปพักหนึ่ง
แต่พอสงบสติอารมณ์ได้แล้วหมอนี่ก็มาขอเข้าร่วมกับพวกเขาเพราะอยากช่วยอะไรบ้าง
ความจริงแล้วแจฮยอนก็ช่วยได้เยอะเลยแหละ
บ้านของหมอนี่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เขาจึงสามารถหาเช่าสถานที่เหมาะๆ
ไว้สำหรับทำเป็นฐานลับได้
“ยังไงฉันก็ไม่ชินกับการเป็นโจรของนายอยู่ดี”
“ก็แค่จนกว่าจะหาเบาะแสเรื่องแม่เจอ
นายไม่ต้องห่วงหรอกไอ้เพื่อนยาก ฉันมั่นใจว่าฉันจะได้รู้เรื่องราวเร็วๆ นี้แหละ”
“จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง
ตั้งแต่โตมาด้วยกัน ฉันไม่เคยเห็นนายต้องไปเตะต่อยกับใครเลยสักครั้ง เวลาที่ฉันเห็นข่าวนายแล้วเห็นภาพนายในกล้องวงจรปิดน่ะ
นายรู้ไหมว่า...”
ตึ๊ง!
“หมดเวลาพูดแล้ว
ลิฟต์เปิดแล้ว”
“ฮึ้ย!”
“ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมาก
ฉันก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน แต่แม่ฉันต้องได้รับความยุติธรรม
ถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรเลยฉันขอตายดีกว่า”
“นายอย่างพูดแบบนี้สิ...”
“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องมีคนคอยช่วยไง
ทำหลายๆ หัวมันดีกว่าหัวเดียวใช่ไหมล่ะ”
“เฮ้อ...แล้วอยากได้ฐานลับบริเวณไหนล่ะ”
แจฮยอนถอนหายใจก่อนจะยอมช่วยเหลือแทยงอีกครั้ง
มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด...เขาไม่เคยพูดอะไรชนะแทยงเลยสักครั้ง
มินฮยองตามมาสมทบหลังจากที่หาฐานลับใหม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าต้องเป็นบ้านที่มีห้องใต้ดินเพราะเขาต้องใช้เป็นที่เก็บรถหรือเอาไว้ซ่อนตัวหากมีใครตามมาได้
มินฮยองหอบอุปกรณ์ติดตามของตัวเองมาด้วยก่อนจะเช็กความเรียบร้อยของระบบในชุด
ระหว่างนั้นก็เปิดข่าวดูไปพลางๆ แล้วหยุดไว้ที่ช่องๆ
หนึ่งซึ่งกำลังนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของแบล็คโอเซลอต
‘มีการทำนายกันว่าวันนี้จะเป็นวันที่แบล็คโอเซลอตออกปล้นค่ะ
โดยมีหลักการทำนายที่อ้างอิงจากปฏิทินจันทรคติ ผู้ทำนายท่านนี้ได้โพสต์แนวคิดลงบนโซเซียลพร้อมยืนยันว่าแมวสาวจะออกปล้นในค่ำคืนนี้
แต่จะเป็นที่ใดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด...’
“เก่งดีแฮะ
ตำรวจคงให้ออกมาปั่นล่ะสิ” แทยงยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะตั้งใจฟังต่อ
“ฉันว่าต้องมีคนคิดได้แล้วแน่
ๆ ว่านายจะออกปล้นคืนนี้ จริง ๆ รูปแบบของนายมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย”
“กว่าจะคิดได้ก็เกือบปีเลยนะ
แต่ก็ยังดีกว่าคิดไม่ได้ ฉันนับถือ”
“แล้วคุณหนูจะออกไปจริง
ๆ หรอครับ
บางทีอาจจะเป็นกับดักล่อให้คุณหนูออกไปเพราะพวกเขารู้ว่าคุณหนูชอบท้าทายกับตำรวจ
ไม่แน่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาไม่รู้หรอกว่าคุณหนูจะออกปล้นวันไหน
ก็แค่ออกข่าวกระตุ้นคุณหนูเพราะคุณหนูชอบอยู่ในสายตาของสาธารณะชน”
“แหม
นายก็ว่าไปนั่น...แต่ฉันว่าพวกเขาดักวันฉันได้แล้วนะ
ก่อนมาอีตาผู้กองนั่นก็พูดว่ามีนัดสำคัญ แล้ววันนี้ก็เข้าเวรดึกด้วย
น่าจะเพราะมาตามจับแบล็คโอเซลอตนี่แหละ”
“รู้แล้วก็ยังจะไปเนี่ยนะ”
“ก็มันเป็นตารางงานนี่
ฉันไม่อยากเลื่อน
อีกอย่างพวกตำรวจก็จับฉันไม่ได้อยู่ดีเพราะฉันมีทีมเวิร์กที่โคตรเจ๋ง”
“คิดไปเอง”
แจฮยอนเขกหัวเพื่อนหนึ่งทีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“อีกยี่สิบนาทีรถส่งน้ำแข็งจะมาจอดที่หน้าบ้าน
เดี๋ยวเตรียมไสมอไซค์นายออกไปได้เลย”
“หวังว่าเขาคงไม่เปิดเครื่องควบคุมความเย็นนะ
ไม่อย่างนั้นฉันนั่งหนาวตายแน่ ๆ”
“แต่ถ้าไม่เปิดนายก็จะหายใจไม่ออก”
“งั้นก็เปิดเบาๆ”
“ย้ายมานั่งข้างหน้าก็จบแล้วคุณหนู
จะไปนั่งอยู่ในตู้เย็นๆ กับรถมันทำไม”
“ก็ฉันรักรถฉันนี่”
“นั่งหน้าเหอะ”
ผู้ร่วมขบวนการทั้งสองทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะพูดออกมาพร้อมกัน
คบกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจระบบความคิดหมอนี่ทุกอย่างหรอกนะ
ไอ้เรื่องนี้ก็เป็นสถานการณ์หนึ่งที่ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ติ๊ดๆ
แทยงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังรู้สึกได้ว่ามันสั่น
ร่างบางขมวดคิ้วสงสัยในเนื้อความเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากตำรวจหนุ่มข้างห้อง
ปกติแล้วพวกเขาไม่ค่อยได้ส่งข้อความหากันสักเท่าไหร่นัก ถ้าส่งก็แค่ถามว่าอยู่ไหน
กลับห้องรึยังเพราะอีตาผู้กองนั่นอยากจะหาข้าวฟรีกิน
‘เหมือนนายเลย’
‘ส่งรูปภาพ’
“นี่
พวกนายว่าไอ้ตุ๊กตาเต่าใส่แว่นโง่ๆ นี่เหมือนฉันหรอ” ร่างบางยื่นรูปให้ผู้ช่วยทั้งสองดู
ก่อนที่แจฮยอนจะหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น
“ผู้กองข้างห้องส่งมาใช่ไหม”
“นายรู้ได้ไง”
แทยงถามด้วยความประหลาดใจ เช่นเดียวกับมินฮยองที่หันไปมองแจฮยอน
เขาก็สงสัยเหมือนกันแต่ไม่ได้ถามออกไป
“เออน่ะ...ฉันรู้ก็แล้วกัน”
“หรือว่าส่งมาแกล้งฉัน
เดี๋ยวเถอะ...กล้าว่าฉันว่าหน้าเหมือนเต่างั้นเรอะ! ใช่สิ!
ก็ผมมันไม่ได้น่ารักในสายตาคุณนี่!”
“พูดใส่โทรศัพท์แต่ไม่ได้อัดเสียงส่ง
เขาก็ไม่รู้หรอกครับว่าคุณหนูด่าเขา”
“ฉันก็แค่อยากด่า!
นายจัดการงานของนายไปเหอะ วันนี้ฉันจะเล่นให้หนักเลยคอยดูสิ”
“เฮ้
อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานน่า นายมาช่วยฉันดูแผนที่ตรงนี้ก่อนแทยง
ฉันจะมาร์คจุดฉุกเฉินไว้ให้”
“ก็ได้”
แทยงวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินไปหาแจฮยอนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
ตั้งแต่หน้าห้องแล้วนะที่บอกว่าเขาไม่น่ารักน่ะ...ก็แล้วไงวะ
ไม่น่ารักแล้วมาคอยยุ่งวุ่นวายกันทำไมเล่า!
.
.
“ผู้กองเอาหัวโขกโต๊ะทำไมครับ”
อีกด้านหนึ่งที่กองปราบปรามฯ
หลังจากส่งข้อความไปแล้วผู้กองหนุ่มก็นั่งเอาหน้าผากพิงขอบโต๊ะแล้วจ้องโทรศัพท์เพื่อรอคอยการตอบกลับ
เขาอุตส่าห์แกล้งทำเป็นฟุบหลับแต่ไอ้ลูกน้องตัวดีดันคิดไปอีกแบบหนึ่ง
“ไม่ได้เอาหัวโขกเว้ย”
“ก็เห็นอยู่ว่าหัวผู้กองผงกขึ้นผงกลง
แล้วนั่นส่งรูปเจ้านินจาไปให้ใครครับ แหม...ซุกสาวไว้ก็ไม่บอกนะครับผู้กอง อิๆๆ”
“นายว่าเจ้านินจาน่ารักไหม”
ผู้กองหนุ่มมองเจ้าตุ๊กตาเต่าหน้าโง่ที่วางอยู่หน้าคอมฯ
ก่อนจะหันไปถามผู้หมวดโดยอง
“ผู้กองซื้อมันมาก็เพราะบอกว่ามันน่ารักไม่ใช่หรอครับ
แต่ผมก็แปลกใจนะครับที่ผู้กองซื้อตุ๊กตาเป็นกับเขาด้วย”
“ก็แค่เห็นว่ามันหน้าเหมือน...อะแฮ่ม
เหมือนเต่าดี”
“อ้าว
ก็มันเป็นตุ๊กตาเต่ามันก็ต้องเหมือนเต่าสิครับผู้กอง
วันนี้ผมว่าผู้กองตั้งสติหน่อยก็ดีนะครับ ดูเบลอๆ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรเว้ย
แล้วนี่เตรียมตัวกันเสร็จรึยัง”
“อีกสามสิบนาทีจะพร้อมออกปฏิบัติการครับ
ว่าแต่ไปกันแค่หกคนจะดีหรือครับผู้กอง”
“ยัยแมวนั่นเคยชินกับคนเยอะๆ
ถ้าไม่เห็นใครปรากฏตัวเลยก็อาจจะทำให้ระแวงในช่วงแรก
พอผ่านไปสักพักก็จะรู้สึกลำพองใจ
เราต้องรีบเข้าไปเซ็ตกองกำลังไว้ก่อนแล้วรวบตัวมันในขณะที่หยิบรูปภาพออกมาได้”
“ฟังๆ
ดูแล้วก็เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมนะครับผู้กอง แต่ดูทรงแล้วทั้งแบล็คโอเซลอตและผู้ช่วยต้องเป็นคนที่เก่งมากแน่
ๆ เพราะหาทางหนีทีไล่ได้ตลอด”
“ฉันถึงบอกให้ส่งสัญญาณรบกวนเข้าไปในนั้นไงล่ะ
คราวนี้ถึงจะหลุดมือไปแต่เราก็ต้องได้เบาะแสอะไรกลับมาบ้างแหละ”
“ว่าแต่แบล็คโอเซลอตเนี่ย...หุ่นสุดยอดเลยเนอะผู้กอง”
ผู้หมวดคิมโดยองจ้องรูปถ่ายที่ชัดที่สุดของแบล็คโอเซลอตพลางยกยิ้มจนตาเยิ้ม
ผู้กองหนุ่มเหลือบมองด้วยหางตาก่อนจะพลิกรูปกลับด้าน ทำเอาผู้หมวดร้องโอดโอยออกมาด้วยความเสียดาย
“ต่อให้หุ่นดีหรือสวยแค่ไหน
โจรก็คือโจร”
“ครับๆ
ก็แค่มองเป็นอาหารตาเฉยๆ แต่หุ่นสะบึ้มอย่างกับในละครเลยนะผู้กอง อกเป็นอก เอวเป็--
โอ๊ย! ผู้กองเอาแฟ้มฟาดผมทำไมเนี่ย”
“ว่างมากก็ไปช่วยดงฮยอกมันดูรถไป
ชักเพ้อเจ้อใหญ่แล้วนายน่ะ”
“ไปก็ได้ครับ!”
ผู้กองหนุ่มส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะพลิกรูปจอมโจรแห่งยุคนี้ขึ้นมาดูอีกครั้ง
ถึงรูปร่างจะดูเหมือนผู้หญิงแต่ก็ว่องไวปราดเปรียวแถมยังบู๊เก่งไม่แพ้ผู้ชาย
ความจริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าหลังจับได้ ทางกรมตำรวจจะเก็บแบล็คโอเซลอตและพรรคพวกไว้ทำประโยชน์ให้ชาติแทนหรือไม่
แต่ยังไงเขาก็ต้องจับคนพวกนี้ในฐานะผู้ก่ออาชญากรรมไปก่อน
แต่จะว่าไป...รูปปากแบบนี้มันก็ดูคุ้นๆ อยู่นะ
ติ๊ดๆ
เสียงข้อความเข้าเรียกสติของชายหนุ่มที่กำลังเหม่อลอยได้
ซอยองโฮหลุดยิ้มออกมาหลังจากเห็นว่าข้อความนั้นถูกส่งมาจากใคร แต่เขาก็ต้องตีหน้ายุ่งในเวลาต่อมาเพราะเขาดันโดนด่าเต็มๆ
‘ประสาท
ว่างมากก็ไปจับโจร’
“คนอุตส่าห์ชมว่าน่ารักเหมือนตุ๊กตาแต่กลับตอบกลับมาแบบนี้เนี่ยนะ
เหอะ!” ร่างสูงแค่นหัวเราะก่อนจะต่อสายหาเด็กตัวป่วนข้างห้อง
หรือหมอนี่จะไม่เข้าใจว่าที่เขาส่งรูปเต่าไปเพราะคิดว่ามันน่ารักเหมือนแทยง
แต่จะให้เขาพูดออกไปเลยมันก็ดูกระดากปากยังไงก็ไม่รู้ ปากร้ายใส่กันมาตั้งเท่าไหร่
อยู่ดี ๆ มาชมว่าน่ารักใส่ให้ตายอีกฝ่ายก็คงไม่เชื่อหรอก
อ้อ...เพราะไม่เชื่อก็เลยด่ากลับมาแบบนี้สินะ
คิดว่าเขาล้อว่าหน้าเหมือนเต่ารึไง
เออ...งอนน่ารักดีว่ะ
[สวัสดีครับ]
“...นี่ใช่เบอร์แทยงหรือเปล่า”
ร่างสูงถามย้ำอีกทีหลังจากรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่น้ำเสียงของเจ้าของปลายสาย
[ใช่ครับ
ผู้กองใช่ไหมครับ พอดีแทยงเขาไปเข้าห้องน้ำน่ะครับ มีอะไรฝากผมไว้ได้เลยครับ]
“อะ...เอ่อ
ฉันแค่จะถามแทยงว่ากลับกี่โมงน่ะ ฉันรู้สึกเหมือนลืมล็อคห้อง
กะว่าจะให้แทยงไปดูให้หน่อย”
[ได้ครับ...แต่ถ้าผมจำไม่ผิดห้องมันล็อคอัตโนมัตินี่ครับผู้กอง
หรือว่าห้องผู้กองคนละระบบกับห้องเพื่อนผม]
เวร...
“อะ...เออ
จริงด้วย ฮ่ะๆๆๆ ช่วงนี้ฉันเบลอๆ น่ะ งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วๆ ฝากบอกแทยงด้วยว่าอย่ากลับดึกมาก
คุณลุงยามเขาเป็นห่วง”
[เพื่อนผมสนิทกับยามด้วยหรอครับ
ดีจังเลยนะครับอย่างน้อยก็มีคนรู้จักคนอื่นนอกจากพวกผมแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอวางก่อนนะครับ
มีบางอย่างต้องไปทำพอดี]
“เชิญๆ”
หลังจากวางสายผู้กองหนุ่มก็เอามือตีหน้าผากตัวเองสองสามทีเป็นการลงโทษที่เผลอพูดอะไรโง่ๆ
ออกไปตั้งหลายอย่าง ...ช่วงหลังๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ตลอดเลยว่ะไอ้ยองโฮ สงสัยอาจจะนอนน้อยเกินไป
“ผู้กองครับ
รถพร้อมแล้วครับ”
“อืม
งั้นไปกันเลย” พอเป็นเรื่องงานผู้กองหนุ่มก็สลับโหมดกลับมาจริงจังต่อหน้าลูกน้องได้
เขาหยิบปืนที่เก็บไว้ในลิ้นชักออกมาก่อนจะเก็บใส่ปลอกที่เหน็บไว้ข้างเอว แล้วเดินตามลูกน้องไปที่รถ
“ถ้าเราคำนวณเวลาไม่ผิด
เราจะไปถึงพิพิธภัณฑ์ก่อนแมวป่าดำสิบห้านาทีครับ ซึ่งมีเวลาเหลือเฟือพอให้เราหาที่ซ่อนตัวในนั้นเพื่อดักจับได้”
ผู้หมวดดงฮยอกพูดขึ้นหลังจากรถปฏิบัติการเคลื่อนตัว
ผู้กองหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะมองไปยังจอมอนิเตอร์
“ให้ทางพิพิธภัณฑ์ตรวจดูหรือยังว่านี่เป็นภาพสดจากกล้องแน่นอน”
“ครับ
ยืนยันแล้วว่าที่พิพิธภัณฑ์เองก็มีคนดูอยู่เหมือนกัน ภาพสดแน่นอนครับ” นายตำรวจฝ่ายคอมพิวเตอร์หันมาตอบคำถามหลังได้รับการยืนยันผ่านการสื่อสารทางไกลด้วยเสียง
“ผู้กองคะ
ดิฉันเสนอให้ดักทางท่อส่งอากาศค่ะ ดูจากขนาดตัวแมวป่าดำแล้วถ้าถึงเวลาจนตรอกก็จะต้องหนีไปทางท่อส่งอากาศแน่
ๆ ดิฉันขอรับหน้าที่ดูแลทางนี้เองค่ะ” ซนซึงฮวานเป็นผู้หมวดสาวสวยเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ ท่านผู้การส่งเธอมาเพราะเห็นว่าพึ่งพาได้และฝีมือการต่อสู้กับการวางแผนก็น่าจะตามจอมโจรอย่างแบล็คโอเซลอตทัน
“ได้ครับ
ผู้หมวดดงฮยอกกับผู้หมวดโดยองจะซ่อนตัวอยู่ที่โถงซีและโถงดี ส่วนผมจะอยู่ในโถงเอเอง
คาดว่างานศิลปะที่แบล็คโอเซลอตจะขโมยในคืนนี้ต้องเป็นรูป Still-Life with
Anemones ของมอแนแน่”
“ภาพนี้ก็ไม่ใช่ภาพที่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย
แต่เพราะมันเป็นภาพที่เกี่ยวกับดอกไม้แบล็คโอเซลอตถึงขโมยมันใช่ไหมครับ”
“เรายังวิเคราะห์แรงจูงใจที่แมวป่าดำขโมยรูปดอกไม้ไม่ได้แต่คาดว่าต้องมีปมหลังอะไรเกี่ยวกับดอกไม้แน่
ๆ ผมว่าเขาค่อนข้างประกาศตัวชัดเจนและไม่ขโมยอะไรแบบสุ่ม บางทีเขาอาจจะกำลังตามหาบางสิ่งอยู่ก็ได้”
“แต่มีข่าวลือออกมานะคะว่ารูปบางรูปถูกส่งคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริง”
“แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันอยู่ดีว่าข่าวลือนั้นเป็นข่าวจริง...เราใกล้จะถึงพิพิธภัณฑ์แล้วครับ
ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมด้วย” นายตำรวจผู้รับหน้าที่ขับยานพาหนะพูดขึ้นเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีเสียงใด
ๆ เกิดขึ้นนอกจากเสียงกระทบของอุปกรณ์
มาลองดูกันว่าคราวนี้ฉันจะสาวไปได้ใกล้ตัวเธอขนาดไหน ยัยแมวผี!
70%
“ฮัดชิ่ว!”
“อ้าว
ไม่สบายเฉย”
“ก็แค่คัดจมูกน่ะ
ไม่มีอะไรหรอก” แทยงยกมือขึ้นขยี้จมูกเล็กน้อยก่อนจะหันมองจอมอนิเตอร์ขนาดพกพาของมาร์ค
คราวนี้ดูเหมือนพวกตำรวจจะวางแผนสกัดโจรได้อย่างรัดกุม
แต่ขอโทษด้วยนะ...มาร์คน่ะเก่งขนาดที่ว่าระดับปรมาจารย์ยังก้มหัวให้เลยล่ะ
“เยส!
ได้ล่ะ”
“ระบบซับซ้อนขนาดนั้นนายก็ยังแก้ได้
นี่มันอัจริยะชัดๆ” แจฮยอนอ้าปากเหวอก่อนจะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
เด็กนี่เพิ่งบ่นไปเมื่อสองนาทีก่อนว่ามันเป็นระบบที่ซับซ้อนมาก
ต้องใช้เวลานานหน่อย...สองนาทีนี่ถือว่านานแล้วหรอวะ
“คนมันเทพ”
เด็กหนุ่มยักไหล่อย่างยียวนกวนอารมณ์ก่อนจะหันไปสนใจจอมอนิเตอร์ต่อ
“ผมว่าพวกตำรวจต้องซ่อนตัวอยู่ที่ตรงนี้
ตรงนี้ แล้วก็ดักคุณหนูทางท่อแน่ ๆ”
“นายรู้ได้ไง”
แจฮยอนถาม
“พวกเขาต้องมีแผนสำรองไว้อยู่แล้วถ้าหากเราสามารถเจาะระบบรักษาความปลอดภัยหรือกล้องวงจรปิดได้
แบล็คโอเซลอตน่ะเลื่องลือเรื่องความเจ้าเล่ห์
พวกเขาไม่ได้วางไว้แค่แผนเอหรือบีหรอก”
“เราก็ไม่ได้มีแค่แผนเอหรือบีเหมือนกัน”
รอยยิ้มเย้ายวนภายใต้หน้ากากและชุดที่เผยสัดส่วนอวบอั๋นของผู้หญิงทำให้แจฮยอนอดใจสั่นไม่ได้
เขารู้ดีว่าเพื่อนเขาเป็นผู้ชายแต่แทยงตัวเล็ก พอเสริมนู่นเสริมนี่ก็ทำให้ใคร ๆ
เขาใจผิดได้ไม่ยาก แล้วหมอนี่ก็ดันเหมาะกับลุคนี้มากเสียด้วย
“ฉันว่าพวกตำรวจน่าจะพร้อมแล้วแหละ”
แทยงแหวกม่านออกเล็กน้อยเพื่อดูความเคลื่อนไหวด้านล่าง
ฐานลับของพวกเขาอยู่ใกล้จุดหมายเพียงแค่ปลายจมูก
แต่เพราะพวกตำรวจประเมินเขาสูงเกินไปถึงไม่เคยหาฐานลับเจอเลยสักครั้ง
เมื่อเห็นรถปฏิบัติการของพวกตำรวจเคลื่อนผ่านไปแล้ว
แทยงจึงหันไปเช็คความเรียบร้อยกับทีมงานของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเปิดหน้าต่างออกแล้วปีนขึ้นไปยืนบนขอบหน้าต่าง
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
แจฮยอนพูดด้วยความเป็นห่วง
“ขอบใจ”
หลังพูดจบแทยงก็ถีบตัวกระโดดข้ามตึกไปอย่างสวยงามก่อนจะวิ่งลัดเลาะไปตามหลังคาเพื่อหาทางลงไปที่บันไดด้านหลังตึก
แทยงให้สัญญาณกับมินฮยองว่าเขาเข้ามาในตึกได้แล้ว
ดังนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดจะถูกตั้งค่าให้ดูเหมือนไม่มีใครเดินผ่านทั้ง ๆ
ที่แทยงจะวิ่งเล่นตีลังกาอยู่ที่ทางเดินนี้นานแค่ไหนก็ได้
[ผมดึงภาพได้แค่ทางเดินเท่านั้นนะ
พวกภาพจากโถงที่แสดงงานต่าง ๆ ไม่สามารถดึงได้เพราะพวกตำรวจกำลังดูอยู่]
“นายดูภาพเดียวกับพวกนั้นอยู่ใช่ไหม”
[อ่าฮะ
กำลังหาที่ซ่อนกันวุ่นวายเชียวแหละ]
“คนของเราพร้อมหรือยังเจ”
[สั่งเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อนั้น]
“เยี่ยม”
แทยงมองไปรอบ
ๆ ตัวก่อนจะเห็นฝาท่อส่งอากาศที่อยู่ด้านบน ดวงตากลมโตภายใต้หน้ากากมองสำรวจไปรอบ
ๆ ก่อนจะเริ่มคุยกับมินฮยอง
“มาร์ค
ฝาท่อนี่ติดตั้งระบบอัตโนมัติใช่ไหม”
[ผมไม่ได้เช็กส่วนนี้แฮะ
ขอเวลาแปบนึง...จริงด้วย คุณจะให้ผมเปิดหรอ]
“ใช่
อันที่อยู่บนหัวฉันเลย”
[จัดให้เลย]
แทยงใช้แรงที่มีส่งตัวเองขึ้นไปเกาะขอบฝาท่อได้อย่างหวุดหวิด
หลังจากขึ้นมาได้แล้วเขาก็ปิดฝาท่อป้องกันใครผ่านมาเห็นก่อนจะลัดเลาะไปตามเส้นทางจากการดูแผนที่ท่อในอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับโทรศัพท์ทั่วไป
แต่ความสามารถของมันนั้นเหนือชั้นกว่าอุปกรณ์ใด ๆ
[คุณหนู
ผู้กองยองโฮอยู่โถงเอ]
“น่ากลัวจัง”
[ทำเป็นเล่นไป
ผมว่าคราวนี้เขาเอาจริงนะ]
“ฉันก็เห็นเขาเอาจริงทุกงานแหละ”
แล้วเคยจับได้ไหม...ก็ไม่
[ระวังเขาหน่อยก็แล้วกัน
เขาก็ฉลาดไม่แพ้นาย]
แทยงตอบสั้นๆ
หลังจากแจฮยอนพูดจบ เมื่อร่างบางคลานมาถึงจุดที่ต้องการแล้ว เขาจึงเปิดโหมดค้นหาสิ่งมีชีวิตจากคลื่นความร้อนโดยเจ้าอุปกรณ์ที่ถืออยู่ในมือ
ไม่รู้ว่าวางแผนกันมายังไงแต่ในห้องนี้กลับมีคลื่นความร้อนเป็นรูปร่างคนแค่คนเดียว
ซึ่งนั่นก็คือผู้กองยองโฮอย่างไม่ต้องสงสัย
[เราจะเริ่มแผนกันรึยังคุณหนู
เอ๊ย แบล็คโอเซลอต]
“โอเค
เริ่มได้”
แทยงเปิดฝาท่อก่อนจะกระโดดลงบนพื้น
เขาคิดว่าอีตาผู้กองน่าจะเห็นเขาแล้วแหละ แต่คงกำลังหาจังหวะเหมาะๆ
เพื่อเขามาจับตัวเขาอยู่ ซึ่งเขาก็กำลังเสนอโอกาสนั้นให้อยู่พอดี
ร่างบางข้ามเข้าไปในเขตของภาพที่ต้องการได้อย่างง่ายดายเพราะเขาสั่งให้มาร์คปิดสัญญาณกันขโมยและเลเซอร์ไปก่อนหน้านี้แล้ว
แทยงไม่เคยแงะกรอบออกมาจากผนังแต่เขาเลาะกรอบหน้าและกรอบหลังออกจากกันก่อนจะหยิบส่วนที่เป็นรูปภาพออกมาอย่างระมัดระวังแล้วม้วนใส่กระบอกเก็บภาพที่พกมาด้วย
ว่าแต่อีตาผู้กองนั่นหลับไปแล้วหรือไงนะ...โจรกำลังจะกลับออกไปอยู่แล้วนะ
ไม่มาจริงดิ เอ๊ะ...หรือว่ากำลังงงๆ
เรื่องที่ไม่มีกำลังเสริมเข้ามาในห้องนี้เลยสักคน :)
“หยุด!
ห้ามขยับแล้วยกมือขึ้นเหนือศีรษะ”
แทยงชะงักฝีเท้าก่อนจะค่อยๆ
ยกมือขึ้นเหนือหัวช้า ๆ ตามที่คนด้านหลังสั่ง
ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าปืนที่มีลูกกระสุนของจริงกำลังเล็งมาที่เขาอยู่
“ในที่สุดก็ได้เจอกันในระยะประชิดสักทีนะ”
“คุณเป็นแฟนคลับฉันหรอ”
แทยงดัดเสียงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์คนฟัง
“ใช่
แฟนคลับตัวยงเลยแหละ เอาล่ะ...ทีนี้ก็หันกลับมาช้า ๆ”
“ช่วยลดปืนลงหน่อยได้ไหมล่ะ
ฉันไม่อยากหันไปแล้วเจอปืนจ่อหน้า”
“เธอรู้ได้ไงว่าปืนจ่อหัวเธออยู่”
“สถานการณ์แบบนี้คุณคงไม่เอาดอกไม้มาให้ฉันหรอกมั้ง”
“หยุดพูดแล้วหันมาสักทีก่อนที่ฉันจะยิงเธอ”
“หยาบคายกับผู้หญิงจริง
ๆ นะคุณเนี่ย” ดวงตากลมโตเหลือบมองกระจกด้านข้าง
ร่างบางเห็นว่ายองโฮค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ อย่างช้า ๆ
เพื่อหวังจะรวบตัวแบล็คโอเซลอต เห็นดังนั้นแทยงจึงใจเย็นประวิงเวลาอีกสักเล็กน้อยเพราะเขาเองก็รอจังหวะเหมือนกัน
“ฉันไม่จำเป็นต้องใจดีกับโจรอย่างเธอ”
“ว่าแต่...คุณแต่งงานหรือยังนะคุณตำรวจ”
“ไม่ใช่เรื่องที่เธอจำเป็นต้องรู้”
“อ๋อ...ฉันก็ต้องรู้ไว้สิ
จะได้ไม่ต้องสงสารภรรยาคุณยังไงล่ะ!” แทยงหันไปวาดขาใส่จุดยุทธศาสตร์ของผู้กองหนุ่มก่อนจะเตะปืนออกไปให้พ้นทาง
ร่างบางยกยิ้มด้วยความสะใจที่เห็นอีกฝ่ายนอนขดตัวเพราะจุกจนพูดไม่ออกแล้วขโมยวิทยุสื่อสารของตำรวจมาพูดโดยใช้อุปกรณ์แปลงเสียง
“แมวป่าดำหนีไปทางหลังคาแล้ว
ย้ำ! หนีไปทางหลังคา กระจายกำลังขึ้นไปค้นหาชั้นบนและบันไดหนีไฟ”
“นี่...ธะ
เธอ...อั๊ก”
“ฉันจะบอกอะไรให้ก่อนไปนะ
ไม่มีใครเห็นฉากที่น่าเวทนาเมื่อกี้หรอก คุณวางใจได้ ไปก่อนนะจ๊ะผู้กอง!~”
“ยัย...แมว...บ้า!”
“ได้ของมาแล้ว
ปล่อยตัวล่อเลย”
[ได้ครับ...แล้วทำไมไม่จับผู้กองมัดไว้ล่ะครับคุณหนู]
“ให้เขาได้อุ้มลูกน้อยเขาเหอะ
คงใช้เวลานานอยู่แหละกว่าจะหาย”
[นั่นสิครับ
เห็นฉากเมื่อกี้แล้วก็เจ็บแทน]
แทยงรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีตราพิพิธภัณฑ์และอำพรางใบหน้าเป็นคนอื่นชั่วคราว
เขาเก็บเสื้อผ้าของแบล็คโอเซลอตและรูปภาพที่ขโมยมาลงกระเป๋าเป้ก่อนจะยัดลงไปในช่องทิ้งขยะซึ่งมีคนของแจฮยอนรอรับของอยู่
แทยงกระชับหมวกเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วแทรกตัวไปกับกลุ่มยามรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ที่กำลังวิ่งผ่านเส้นทางนี้พอดี
“อ้าว
ไหนนายบอกว่าวันนี้ไม่เข้างานไง” แทยงหันไปตามเสียงก่อนจะพบว่าเป็นชายคนหนึ่งที่ทำหน้าตาสงสัยใส่เขา
เวรแล้วไง...ดันเจอคนรู้จักของเจ้าของหน้าซะด้วย
“อ้อ...หัวหน้าบอกว่าต้องการคนเพิ่ม
ฉันก็เลยมา”
“ดีแล้วที่นายมา
กำลังขาดคนอยู่พอดี”
“อืม”
ร่างบางแอบถอนหายใจเบาๆ
ก่อนจะวิ่งตามคนอื่น ๆ ไป
แต่ในจังหวะหนึ่งที่เขาเหลือบมองไปยังกลุ่มตำรวจที่กำลังวิ่งสวนมา
ใครบางคนก็ส่งเสียงออกมาเพื่อให้พวกเขาหยุดวิ่ง
“เดี๋ยวก่อน!”
“ครับ!”
“ไม่ต้องขึ้นไปด้านบนแล้ว
กระจายกำลังไปที่ด้านนอกตึกแทน”
“รับทราบครับ!”
ร่างบางพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดโดยการมองตรงไปข้างหน้า
แอบยอมรับว่าเมื่อกี้หัวใจเขาแทบหยุดเต้น นึกว่าจะโดนสงสัยเข้าซะแล้ว
“มีคนรายงานมาว่าเห็นแบล็คโอเซลอตขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปแล้ว
แต่ทางตำรวจบอกว่านั่นอาจจะเป็นตัวล่อให้เราค้นหาบริเวณตึกให้ดีก่อน
พบเจออะไรที่น่าสงสัยให้รีบแจ้ง”
“รับทราบครับ!”
“กระจายกำลังออกค้นหาได้!”
แทยงแยกตัวออกมากับเพื่อนร่วมงานหนึ่งคน...ก็คนที่ทักเขานั่นแหละ
ร่างบางหลอกล่อให้อีกฝ่ายไปค้นหาที่จุดทิ้งขยะด้วยกัน
เขาแค่อยากจะตรวจสอบว่าคนของแจฮยอนเก็บของไปหรือยัง
ถ้ายังเขาจะได้เข้าไปเก็บแล้วจัดการกับพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้ซะก่อนจะหนีกลับฐานลับที่อยู่ตึกข้างๆ
“นายว่าโจรมันจะมาซ่อนตัวที่นี่หรอ”
“โจรมันอาจจะใช้ช่องโหว่ของความคิดแบบนั้นก็ได้
ใครจะอยากมาซ่อนในที่ทิ้งขยะ จริงไหมล่ะ”
“...ก็ถูกของนาย”
แทยงแสร้งทำเป็นเดินแยกไปอีกทางเพื่อให้เป้าหมายตายใจก่อนจะย้อนกลับไปใช้ท่อนแขนของตัวเองฟาดใส่คออีกฝ่ายเพื่อทำให้สลบ
ร่างบางรีบวิ่งไปตรวจสอบจุดทิ้งขยะใกล้ห้องน้ำในขณะเดียวกันก็ได้รับรายงานจากแจฮยอนว่าลูกน้องของอีกฝ่ายเพิ่งเก็บของกลับไปให้เมื่อกี้นี้เอง
“รอบ
ๆ ตึกเป็นยังไงบ้างมาร์ค”
[มีแต่ตำรวจ
แต่ตรงนี้เป็นจุดบอด รีบหาทางปีนกลับมาที่ตึกนี้เลยคุณหนู ผมจะปิดกล้องตรงแถวๆ--]
“อัก!”
แทยงร้องออกมาหลังจากโดนบางอย่างฟาดเข้าที่หลัง
ร่างบางตั้งตัวทันก่อนก้าวถอยหลังหาที่ตั้งหลักเพื่อดูว่าคนที่มาทำร้ายเขาคือใคร
เพราะแทยงมั่นใจว่าพนักงานคนนั้นคงไม่ฟื้นเร็วขนาดนี้แน่
“คราวนี้เธอเสร็จฉันแน่”
ไอ้ผู้กองบ้ามันรู้ได้ไงวะ!
“คิดว่าตัวเองเนียนล่ะสิ
ฉันก็เนียนเก่งเหมือนกัน เธอคงสงสัยว่าฉันรู้ได้ยังไง”
“เออ”
“ก็เธอดันปลอมตัวเป็นสามีที่ต้องไปเฝ้าภรรยาคลอดลูกวันนี้ยังไงล่ะ
ฝ่ายยามแจ้งเข้ามาตั้งแต่เห็นเธอที่แถวแล้ว แต่เราปล่อยให้เธอตายใจไปก่อน”
“โห...นับถือเลยนะเนี่ย
คราวนี้ตามฉันทันแหะ”
“คนเราก็ต้องมีการพัฒนา”
“แต่ฉันว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางจับฉันได้อยู่ดี”
แทยงยกมือตั้งการ์ดป้องกันก่อนจะถามออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสำรวจร่างกายเขา
“มองอะไร”
“ก็แค่สงสัยว่าเธอปลอมตัวเนียนขนาดนี้ได้ยังไง
หน้าอกแบนอย่างกับผู้ชายจริง ๆ”
ก็ผู้ชายไงโว้ย!
“มันก็เรื่องของฉัน”
แทยงสาวเท้าเข้าไปประชิดตัวผู้กองหนุ่มก่อนจะวาดขาใส่
ร่างสูงกระโดดหลบทันก่อนจะสวนกลับไปด้วยหมัดหนัก ๆ แต่แทยงสามารถเอียงตัวหลบได้
พวกเขาผลัดกันรุกกันรับอยู่นาน มีบางครั้งที่พลาดเจ็บตัวบ้างแต่ก็ลุกขึ้นมาตั้งรับได้ทัน
ร่างบางคิดว่าตอนนี้มาร์คคงรู้สถานการณ์จากการฟังเสียงแล้ว
และกำลังหาทางช่วยเหลืออยู่ แต่ตอนนี้เขาคงต้องเอาตัวรอดไปพลาง ๆ
จากผู้กองข้างห้องที่ตัวใหญ่และสูงกว่าเขาเป็นสิบๆ เซน
[เดี๋ยวผมจะส่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปนะครับคุณหนู]
เขาได้ยินมาร์คพูดแต่ไม่สามารถขานตอบได้
ด้วยความที่พละกำลังห่างกันอยู่มากทำให้ผู้กองยองโฮเกือบรวบตัวเขาได้อยู่หลายครั้ง
แต่แทยงอาศัยความยืดหยุ่นของร่างกายตัวเองหนีเพื่อเอาตัวรอดได้
แต่ตอนนี้เขาไม่มั่นใจว่าจะมีแรงต่อสู้จนกระทั่งรถจะมาถึงหรือเปล่านี่แหละ
เพล้ง!
เสียงกระจกแตกทำให้การต่อสู้หยุดชะงัก
พวกเขาแน่ใจในทันทีว่ามีมือที่สามเข้ามาเอี่ยวเพราะรู้สึกได้ถึงวิถีลูกกระสุนที่เฉียดพวกเราไปแค่นิดเดียว
“ไรเฟิล...มีคนซุ่มยิง”
ผู้กองหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
“เวร...ยิงคุณหรือยิงผมกันวะเนี่ย”
“ผมงั้นหรอ”
“ยังไงก็เหอะ
เราต้องหนีลูกกระสุนก— อ๊าก!!”
“เธอ!”
ผู้กองยองโฮคว้าตัวแบล็คโอเซลอตไว้ก่อนจะมองหาที่หลบซึ่งเป็นมุมอับจากการส่องกล้อง
เขาแบกเธอขึ้นบ่าได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพราะตัวเบาอย่างกับปุยนุ่น
หลังจากหาที่หลบได้แล้วเขาก็วางตัวเธอลงบนพื้นก่อนจะสำรวจบาดแผล
“ยังดีที่โดนเฉี่ยวๆ”
“เจ็บ!”
แทยงแหวใส่เพราะอีกฝ่ายแตะที่แขน
“รู้แล้ว...เดี๋ยวจะเรียกกำลังเสริมก่อน
ไว้ค่อยไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจก็แล้วกัน”
“ไม่ได้...ไม่เอา...ตอนนี้ไม่ได้”
แทยงส่ายหน้าไปมา
ส่วนมาร์คกับแจฮยอนก็กำลังตื่นตระหนกแย่งกันพูดใส่เขาไม่หยุดจนร่างบางต้องดึงหูฟังขนาดจิ๋วออกจากหู
“จะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้
เธอโดนจับแล้ว”
“ผู้กอง...อย่าเพิ่งจับผม
ขอร้อง” แทยงใช้เสียงของตัวเองก่อนจะค่อยๆ ถอดหน้ากากออก
เขาไม่สามารถโดนจับได้ตราบใดที่ยังหาความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่ไม่เจอ
ร่างบางถอดมันออกอย่างทุลักทุเลก่อนจะเห็นใบหน้าที่ตกใจจนนิ่งค้างของอีกฝ่ายในตอนที่เขายอมเผยตัวตนที่แท้จริงของแบล็คโอเซลอต
“ทะ...แท
แทยง”
“ใช่...ผมเอง
ผมคือแบล็คโอเซลอต ยัยแมวกวนประสาทที่คุณตามจับมาเป็นปี
ผมคือแทยงนักศึกษาที่อาศัยอยู่ข้างๆ ห้องคุณ ผมคือแทยง...คนที่--”
“ชู่!
เงียบก่อน” เสียงฝีเท้าทำให้ผู้กองหนุ่มเรียกสติได้
เขารวบตัวแทยงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเงี่ยหูฟังว่าใครที่ผ่านมาทางนี้
“ผู้กอง!
ผู้กองอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ”
“นั่นเสียงลูกน้องคุณ”
แทยงกระซิบบอก
“เงียบก่อน”
น้ำเสียงหงุดหงิดของอีกฝ่ายทำให้แทยงเม้มปากแน่น แน่นอนว่าผู้กองยองโฮไม่เคยหงุดหงิดใส่เขามาก่อน
เขาถึงไม่รู้ว่าจะรับมือกับความรู้สึกนี้ยังไง
“ผู้กอง
วู้ว~”
“สงสัยไล่ตามแบล็คโอเซลอตไปแล้วว่ะ
ไปหาทางอื่นกันเถอะ”
“เออๆ”
“โอ๊ย!” หลังจากแน่ใจแล้วว่าเหล่าลูกน้องของผู้กองเดินออกไปจากบริเวณนี้แล้ว
แทยงก็ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของผู้กองหนุ่ม
แต่รีบร้อนเกินไปหน่อยจึงทำให้บาดแผลปริเล็กน้อยจากการขยับ
“เจ็บมากไหม”
“...คุณมองผมด้วยสายตาแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิด”
...คุณไม่ควรเป็นห่วงผมเลยผู้กอง
“รู้สึกผิดน่ะสิดี
นายกับฉันเรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ...เรียกลูกน้องนายให้มารับสิ”
“คุณจะปล่อยผมไปหรอ”
“ฉันบอกว่าเราต้อง
‘คุย’ และฉันก็จะไปกับนายด้วย”
“...แล้วคุณจะบอกลูกน้องคุณไหม”
“เลิกค้นหาแบล็คโอเซลอต
เธอหนีไปได้อีกแล้ว ย้ำ ถอนกำลัง เลิกค้นหา” แทยงถามเสียงเบาก่อนจะเบิกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นผู้กองหนุ่มวอบอกลูกน้อง
“ขอบคุณครับ”
“ฉันทำเพื่อนายขนาดนี้แล้วนะ
นายต้องหาเหตุผลที่ฟังขึ้นมาอธิบายให้ฉันฟังด้วย”
“เหตุผลน่ะมี
แต่ไม่รู้ว่าคุณจะยังเชื่อผมอยู่หรือเปล่า”
“ถ้าไม่คิดจะเชื่อ
ฉันจะช่วยนายทำไม แล้วเมื่อไหร่ลูกน้องนายจะมาสักที เดี๋ยวก็เลือดหมดตัวพอดี”
“เขาบอกว่าจะถึงแล้วครับ”
“แล้วเอารถอะไรมารับ”
“มอเตอร์ไซค์ครับ”
“เวร...แล้วจะหนีไปได้ยังไงแบบที่ไม่ให้ถูกจับได้
เอามอไซค์มาพวกตำรวจก็รู้หมดสิ”
ปิ๊น!
“มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในรถส่งน้ำแข็งน่ะครับ”
ผู้กองยองโฮถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
จะเรียกว่าดีใจหรือเสียใจดีที่เขาได้มารับรู้แผนทางหนีทีไล่ของโจรที่เขาตามจับเป็นปี
TBC
ในที่สุดก็อัพจนจบตอนได้แล้ว กรี๊ดดดดด
ก็คือฉันน่ะเพิ่งปิดเทอมก็เลยว่างนิดหน่อย...คิดว่านะ น่าจะลงจนจบได้
เอ่อ...แค่คิดว่าอะนะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น