BLACK OCELOT Chapter 1: hit at him
BLACK OCELOT
-Chapter 1: hit at him-
ความจริงวันนี้ไม่ใช่วันหยุด...เขามีเข้าเวรเช้าแต่สถานการณ์เมื่อครู่มันบีบบังคับให้ผู้กองอย่างเขาต้องหาเหตุผลบางอย่างมาอ้างเพื่อไม่ไปทำงานที่สำนักงานกองปราบฯ
ถ้าไม่ทำแบบนั้นร่างของเขาได้ถูกแยกเป็นชิ้นๆ
ก่อนที่จะมีโอกาสได้จับยัยแมวขโมยนั่นแน่ ๆ
เมื่อเช้าสารวัตรโทรมาหาแต่เช้าว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าไปที่กองปราบฯ
พร้อมบอกเหตุผลว่ามีเรื่องที่ทำให้ผู้การอารมณ์ไม่ดี
หลังจากนั้นก็เป็นอันรู้กันว่าเขาไม่ควรเข้าไปภายในวันสองวันนี้
เพราะถ้าเรื่องนั้นยังจัดการไม่ได้
ผู้การก็จะเอาอารมณ์ทุกอย่างมาลงที่เรื่องแบล็คโอเซลอต แล้วก็จะพากันซวยไปยกแผง
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงต้องมาทำงานรองที่เคยรับเคสไว้
อย่างคอยจับตามองผู้ต้องสงสัยคดีต่าง ๆ ตามมุมถนน
ไม่ก็สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกแก๊งค้ายาที่ทำยังไงมันก็ไม่หมดไปสักที
“อรุณสวัสดิ์ครับผู้กอง
วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอครับ” ร่างสูงหันไปตามเสียงทักทายที่คุ้นเคย
เป็นเด็กนักศึกษาข้างห้องเขานั่นแหละที่ทักขึ้นระหว่างที่กำลังเดินมาทิ้งขยะใต้อะพาร์ตเมนต์
“วันนี้มีงานนอก
แล้วนายล่ะ...ไม่มีเรียนเหรอ”
“ครับ
แต่ว่าก็ต้องทำรายงานส่งอยู่ดี ถ้าตอนดึกๆ ห้องผมเสียงดังผู้กองก็มาเตือนได้นะครับ
วันนี้จะมีเพื่อนมาทำงานด้วยอีกสองสามคน”
“เห็นอยู่คนเดียวเงียบๆ
มาตั้งนาน ก็มีคนคบเหมือนกันนี่นายน่ะ”
“อ้าว
นี่ผู้กองเห็นผมเป็นคนแบบไหนเนี่ย”
“ตอนแรกดูเหมือนคนที่มนุษย์สัมพันธ์น่าเป็นห่วง
แต่เห็นนายมีเพื่อนแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ คบเพื่อนก็ดูให้ดีด้วยนะ อย่าไปคบพวกขี้ยา”
“ผู้กองพูดเหมือนพ่อผมเลย”
“นายว่าฉันแก่หรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ
ก็แค่บอกว่าพูดเหมือนที่พ่อผมพูดเอง”
“แหย่เล่นหรอก
อย่าคิดจริงจัง... ว่าแต่นายว่างไหม”
“ตอนนี้หรอครับ...ก็ว่างนะครับ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่เขาก็เลือกตอบไปตามความเป็นจริง
“ดี
งั้นช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”
“อะไรครับ”
.
.
ร่างบางเดินตามร่างสูงมาเรื่อย
ๆ จนกระทั่งถึงร้านกาแฟริมทางร้านหนึ่ง ผู้คนไม่หนาตามาก
ร้านตกแต่งเรียบหรูและมีสไตล์
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...ผู้กองพาเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่
คงไม่ใช่แค่ชวนมากินกาแฟเฉยๆ หรอก
“นายอยากกินอะไรสั่งเลย
เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
“ผู้กองต้องบอกผมก่อนว่าพาผมมาที่นี่ทำไม”
เด็กหนุ่มหันไปต่อรอง ส่วนคนโตกว่าก็เลิกคิ้วมองอย่างประหลาดใจ
อาจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันมากกว่าสามประโยคจึงทำให้เขาได้รู้จักเด็กข้างห้องมากขึ้นว่าหมอนี่ก็แอบดื้ออยู่เหมือนกัน
“นายก็สั่งก่อนสิ
แล้วพอเราไปนั่งที่โต๊ะแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
“ผู้กองก็ได้เปรียบอยู่ดี”
“ที่นี่ห้ามเรียกฉันว่าผู้กอง”
ร่างสูงมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างระมัดระวังก่อนจะก้มลงมากระซิบบอก
“แล้วจะให้ผมเรียกผู้กอ--
คุณว่าอะไรดีล่ะครับ”
“เรียกว่าพี่ยองโฮ”
“…นี่พาผมมาช่วยทำงานหรือครับ”
เด็กหนุ่มเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างจึงถามออกไป ร่างสูงพยักเบาๆ
แล้วจุดยิ้มบนใบหน้าแทนคำตอบ
“ถ้าคุณจำชื่อผมได้ผมก็จะยอมเรียก”
“ลี...แทยง”
“จำได้ด้วยหรอครับ
ผมนึกว่าจำไม่ได้เสียอีก”
“ก็เกือบจำไม่ได้อยู่แต่พอดีเหลือบไปเห็นบัตรประชาชนของนายตอนเปิดกระเป๋าเงินเมื่อกี้”
“ตาไวจริง
ๆ”
“แล้วหยิบเงินขึ้นมาทำไม
ฉันบอกว่าจะเลี้ยงนายไง”
“ผมไม่ชอบติดหนี้ใคร”
“ฉันบอกว่าจะเลี้ยง
ดื้อนะนายเนี่ย” ร่างสูงว่าก่อนจะผลักหัวเด็กหนุ่ม
ร่างบางร้องออกมาเบาๆ เพราะเสียการทรงตัวก่อนจะหันไปสนใจพนักงานที่พูดขึ้นเพราะเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมสั่งอะไรสักที
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
“ผมเอาอเมริกาโน่เย็นครับ...สั่งเร็วแทยง”
“ผมเอาโกโก้ปั่นครับ”
“ค่ะ
ชำระเงินเรียบร้อยแล้วกรุณานั่งรอสักครู่นะคะ”
ทั้งสองผงกศรีษะเป็นการตอบรับเบาๆ
ก่อนจะเดินไปหาโต๊ะนั่ง แทยงมองผู้ใหญ่ตรงหน้าอย่างคาดคั้นคำตอบ
ในทีแรกยองโฮก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจ้องเขาทำไมแต่พอเวลาผ่านไปผู้กองหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าเขาควรตอบคำถามที่สัญญาไปเมื่อครู่ว่าจะตอบ
“ฉันมาตามดูผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง
แหล่งข่าวรายงานว่าเขาชอบมาที่คาเฟ่นี้บ่อย ๆ วันนี้ฉันว่างๆ ก็เลยเสี่ยงมาดู”
“แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ยครับ”
“เพื่อความเนียนไง
ระหว่างที่รอเราก็มานั่งทำความรู้จักกันเถอะ อยู่ห้องข้างกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว
ยังไม่เคยคุยกันจริง ๆ จัง ๆ สักที”
“ผมไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับผู้กองสักหน่อย”
“นายควรเรียกฉันว่าพี่สิ”
“เฮ้อ...ครับพี่ยองโฮ”
“นายไม่ดื่มกาแฟหรอ
เห็นนายสั่งโกโก้ไป”
“ครับ
มันขมผมไม่ชอบ ผมชอบของหวานมากกว่า กินแล้วมันสดชื่นดี”
“ตรงกันข้ามกับฉันเลยแฮะ
มันก็พอกินได้แหละไอ้พวกของหวานแต่ฉันว่ามันหวานจนเลี่ยนก็เลยไม่ค่อยชอบกิน”
“งั้นผู้ก-
พี่ยองโฮก็คงไม่ชอบเรื่องโรแมนติกด้วยแน่ ๆ พี่ดูแข็งกระด้าง
ยกความคิดตัวเป็นที่หนึ่ง แฟนก็ไม่น่าจะมี”
“นายกำลังทำตัวเป็นนักสืบอยู่เหรอ
แต่ที่พูดมาก็ถูกหมด...ส่วนนาย ภายนอกก็ดูเป็นเด็กมหาลัยธรรมดาแต่ฉันเริ่มรู้สึกได้ว่านายมีบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากที่ฉันคิด
ดื้อเงียบและไม่ชอบให้ใครสั่ง แฟนก็ไม่น่าจะมีเหมือนกัน”
“เหรอ
ผมไม่เห็นรู้สึกแบบนั้น” เด็กหนุ่มยกมือดันแว่นเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจพนักงานที่กำลังยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
ผู้กองหนุ่มเห็นแววตาเป็นประกายของแทยงแล้วก็หัวเราะในลำคอเล็กน้อย
เชื่อแล้วว่าชอบของหวานจริง ๆ
“นายตาวาวเกินไปแล้ว”
“ก็ผมชอบนี่นา
เรื่องนี้ผมไม่ปฏิเสธ”
“...เป้าหมายฉันมาพอดีเลยแฮะ
นายห้ามหันไปนะ ไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งนั้น ก็แค่คุยกับฉันไปเรื่อย ๆ” ผู้กองหนุ่มยืดตัวขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ต้องสงสัยเดินเข้ามาในร้าน
เขาเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์เพื่อคอยสังเกตการณ์ในขณะที่ขยับปากพูดกับแทยง
“พี่ก็บอกอยู่เมื่อกี้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาสั่ง
แต่พอดีว่าผมเป็นคนรู้กาลเทศะ คราวนี้จะยอมคุยกับคนที่ไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนาก็ได้”
“นายชอบมองตาคนว่างั้น”
“คุยกับใครก็ต้องมองตาคนนั้นสิ”
“แต่ฉันมองแว่นตานายอยู่นะ
อยากให้ฉันมองตานายก็ถอดแว่นสิ”
“เหอะๆ
มุกหรือเปล่านะ ตลกจัง”
“นายก็กวนอารมณ์ใช้ได้อยู่นะ
ถ้าได้เจอลูกน้องฉันคงจะเข้ากันได้ดี”
แทยงไม่ตอบแต่เหยียดปากเป็นเส้นตรงก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นแทนการบอกว่า
‘แล้วไง ผมไม่ได้อยากเจอสักหน่อย’ ใส่ร่างสูงก่อนจะเท้าคางแล้วก้มลงดูดโกโก้ปั่นในแก้ว
ผู้กองหนุ่มแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ จริง ๆ
เขาอยากผลักหัวเด็กนี้ด้วยซ้ำแต่เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
กลับกันถ้าเป็นลูกน้องเขาแล้วมาทำแบบนี้ใส่คงมีมือถึงตีนถึงกันบ้าง
เพราะร่างสูงเอาแต่จดจ้องอยู่กับการสังเกตผู้ต้องสงสัยเลยไม่ได้เห็นว่าแทยงกำลังเลื่อนสายตาขึ้นมาสำรวจใบหน้าของเขาอยู่
สิ่งที่เด็กหนุ่มชอบที่สุดบนใบหน้าของผู้กองจอมกวนคนนี้เห็นทีคงจะเป็นริมฝีปากสวยได้รูปราวกับพระเจ้าบรรจงสร้าง
นึกแล้วก็อิจฉาที่หน้าตัวเองไม่มีอะไรดีเลยสักนิด
“ปากฉันสวยมากจนอยากจูบล่ะสิ”
ร่างบางสะดุ้งหลังโดนจับได้เนื่องจากมองอีกฝ่ายนานเกินไป
เด็กหนุ่มทำหน้าเหยเกหลังจากนึกขึ้นได้ว่าผู้กองหนุ่มพูดอะไรไปก่อนหน้านี้
“ยอมรับว่าปากผู้กองสวย
แต่ผมไม่ได้มีความคิดทำนองนั้นหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด...ก็แค่อิจฉาที่ผู้กองหน้าตาดี”
“ฉันว่านายก็หน้าตาพอใช้ได้นะ
แต่พอฉันมองหน้านายแล้ว ฉันก็รำคาญไอ้ผมม้าเต่อโง่ๆ นี่ ตัดมาทำไม”
“ถ้ายาวมันก็จะเกยแว่นผมไง
จริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันสั้นเท่านี้หรอก แต่คุณก็รู้ว่าร้านตัดผมน่ะมันเป็นยังไง”
“อ้อ...ก็พอเข้าใจในจุดนั้น
แต่นายหลุดเรียกคุณอีกแล้วนะ วันนี้เรามาในบทบาทพี่น้อง ช่วยเล่นให้สมบทบาทหน่อยสิ
อย่าให้ฉันเสียค่าโกโก้ปั่นไปฟรีๆ”
“อยากได้ขนาดนั้นก็ไปจ้างนักแสดงสิครับ”
“...เวร
หมอนั่นหายไปไหนแล้ววะ” หันมาสนใจเด็กมหาลัยตรงหน้าแค่ครู่เดียว
เป้าหมายที่เคยนั่งอยู่ใกล้ๆ เคาน์เตอร์ก็หายไปเสียแล้ว
ไม่ใช่ว่าหมอนั่นรู้ตัวแล้วหรอกนะ
“เขารู้ตัวแล้วหรือเปล่าผู้กอง
อธิบายลักษณะมาหน่อยสิ ผมหันไปมองข้างนอกบ่อยผมอาจจะมองเห็นเขาก็ได้”
“ผู้ชายผมซอยสั้นติดหนังหัว
อายุประมาณสามสิบต้นๆ สูงเกือบร้อยแปดสิบได้ ใส่โค้ทสีดำตัวยาว...”
“...ถือโทรศัพท์เคสสีแดง”
“ใช่!
นายเห็นเขาเหรอ”
“เขาเดินออกไปตอนที่คุณหันมาคุยกับผมแน่
ๆ เรารีบตามไปเถอะ ตอนนี้น่าจะยังไปทัน”
“เฮ้
เราไม่ได้เล่นไล่จับผู้ร้ายอยู่นะเด็กน้อย นายรออยู่ที่นี่แหละไม่ก็กลับห้องไปก่อน
เดี๋ยวฉันจะไปตามหาเขาเอง”
“ผมมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดก็แล้วกัน
คุณไปซ้ายนะ เดี๋ยวผมไปขวาเอง”
“เฮ้!
นายเป็นคนไม่ชอบให้คนอื่นสั่งจริง ๆ ด้วยสินะ เยี่ยมเลย!” ผู้กองหนุ่มส่งเสียงเรียกไว้แต่ดันช้ากว่าคนตัวเล็กที่เวลาปกติดูทำอะไรเชื่องช้าแต่คราวนี้ดันวิ่งออกไปนอกร้านไวกว่าเขาเสียอีก
แล้วนี่ทำไมเขาถึงวิ่งออกมาทางซ้ายตามที่เด็กนั่นบอกด้วยวะ
เออ
ช่างแม่งเหอะ...เอาเป็นว่าตอนนี้เขาต้องหาผู้ต้องสงสัยคนนั้นให้เจอแล้วจับมาสอบปากคำให้ได้ก่อนก็พอ
ด้านเด็กหนุ่มที่วิ่งออกมาก่อนนั้น
ความจริงแล้วเขารู้ว่าผู้ต้องสงสัยคนนั้นกำลังจะเดินทางไปที่ไหน
ด้วยความที่เขาเป็นคนตาไวในระดับหนึ่งจึงเห็นว่าหน้าจอมือถือนั้นมีรูปบางรูปปรากฏอยู่
แทยงเห็นแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของหน้าจอเท่านั้น และเขาก็เห็นป้ายร้านอาหารกับชื่อร้านบางส่วน
แต่พอลองนึกดูดี ๆ แล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ถือกุญแจรถไว้
มันเป็นคงเป็นร้านที่อยู่แถวนี้และสามารถเดินไปได้
ดังนั้นร่างบางเลยลองเดาดูว่าร้านที่เขากำลังจะไปนั้นมันถูกต้องหรือไม่
ถ้าใช่ค่อยหาทางติดต่อผู้กองอีกที
เดี๋ยว...แต่เราไม่มีเบอร์ติดต่อกันนี่!
“ไม่น่ามาคนเดียวเลยจริง
ๆ”
เด็กหนุ่มตีอกชกหัวตัวเองก่อนจะร้องตกใจออกมาเพราะไม่ได้มองทางแล้วไปชนกับใครบางคนเข้า
ร่างบางรีบขอโทษขอโพยก่อนผละตัวออก แต่ด้วยจังหวะที่รวดเร็วราวกับฟ้าผ่าจู่ ๆ
ร่างของแทยงก็ถูกกระชากเข้าไปในซอกตึกก่อนจะถูกปิดปากไม่ให้มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาได้
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าใครทำ
และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้แทยงหอบใจแรงด้วยความกลัว
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่กระชากเขาเข้ามาอยู่ในซอกตึกนี้คือผู้กองตัวยักษ์ที่อาศัยอยู่ข้างห้องของเขาเอง!
“โอ๊ย!
นายเตะทำไมเนี่ย” ร่างสูงร้องออกมาแล้วผละตัวออกไปจากร่างบางพลางนั่งกุมหน้าแข้ง
ใจจริงอยากจะเตะซ้ำอีกทีโทษฐานที่ทำให้เขาตกใจกลัว
แต่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ก็ใส่แรงไปเยอะอยู่ ผู้กองน่าจะเจ็บพอตัว
“ก็ผู้กองทำผมตกใจนี่
จู่ ๆ ก็โดนใครไม่รู้มาปิดปากแล้วลากเข้ามาในนี้อะ ใคร ๆ
เขาก็นึกว่าโจรกันทั้งนั้นแหละ”
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำนายให้ตกใจ
แต่ผู้ต้องสงสัยมันหันมาทางนี้พอดีฉันก็เลยต้องดึงนายเข้ามาหลบในนี้”
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าเขาจะมาทางนี้”
“ฉันต้องถามนายมากกว่าว่านายรู้ได้ไงว่าเขาจะมาทางนี้
ดูเหมือนนายจะรู้ด้วยว่าเขาจะไปที่ร้านนั้น”
“ผมก็เดินตามเขามาน่ะสิ
บังเอิญเห็นแวบๆ เมื่อกี้เลย”
“งั้นเหรอ”
“ผมไม่ได้เก่งแบบคุณนะที่ตามมาถูก
ผมก็แค่เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง แล้วนี่ผู้กองจะเข้าไปจับเขาเลยไหม ผมอยากเห็นอะ”
“อ้อ
ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง นายจะเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุกไม่ได้นะ
ขืนเข้าไปใกล้กว่านี้แล้วหมอนั่นดันมือปืนล่ะ นายไม่ได้กลับไปเห็นหน้าพ่อแม่นายแน่
ๆ”
“...ผมไม่มีให้เห็นอยู่แล้วล่ะ” บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีหลังจากเด็กหนุ่มพูดจบ
ผู้กองหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าเขาดันไปพูดจี้จุดเด็กมันเข้าจนอีกฝ่ายก้มหน้ามองพื้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาเห็นความเสียใจที่อาจสะท้อนออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น
ร่างสูงกระแอมออกมาเบาๆ ก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่อง
“ไปหาอะไรกินในร้านนั้นไหม
นายกินข้าวเช้ารึยัง”
“ยังครับ
แต่ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ผู้กองเลี้ยงน้ำผมแล้ว ไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมหรอก”
“ใครบอกว่าฉันจะเลี้ยง
มื้อนี้นายจ่ายเอง”
“อ้าว...”
ปัง!
เสียงดังสะนั่นทำให้เด็กหนุ่มตกใจจนตัวโยนแล้วทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นโดยยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างไว้แน่น
แทยงรู้ดีว่านี่คือเสียงปืน...เขาอยากก้าวออกจากที่นี่เพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาไม่สามารถยันตัวลุกขึ้นได้
แทยงกลัวว่าสิ่งที่เขาคิดมันจะเป็นจริงขึ้นมา
เขารู้ทั้งรู้ว่าผู้ต้องสงสัยคนนั้นพกปืนมาด้วยแต่เขาไม่ได้บอกผู้กอง...
คิดว่าตัวเองอาจจะมองผิดไปเอง
แต่ก็มารู้ตัวในตอนที่สายไปว่าเขาคิดอะไรตื้นเกินไปอีกแล้ว
“แทยง!
นายเป็นอะไรหรือเปล่า!” ผู้กองหนุ่มเห็นเด็กข้างห้องนิ่งไปจึงย่อตัวลงแล้วเขย่าร่างกายเด็กหนุ่มเพื่อเรียกสติ
และเหมือนแทยงจะเพิ่งเรียกสติตัวเองได้จึงลากสายตากลับมามองคนตัวสูงแล้วสั่นศีรษะบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร
“ผะ...ผู้กองรีบไปดูตรงนั้นเถอะครับ
ผมดูแลตัวเองได้”
“เอาโทรศัพท์ฉันไป
นายกดเลขหนึ่งเลยนะแล้วบอกให้เขาตาม GPS มา แล้วก็อยู่ตรงนี้
ห้ามไปไหน”
“คะ...ครับ”
ร่างสูงรีบออกไปดูที่เกิดเหตุหลังจากเห็นว่าเด็กหนุ่มประคองสติตัวเองได้แล้ว
แทยงรีบกดโทรออกตามที่อีกฝ่ายบอกก่อนจะกรอกเสียงลงไปเมื่อมีคนรับ
“มีเหตุฉุกเฉินครับ
ช่วยตาม GPS มาด้วยนะครับ!”
[เอ่อ...นี่โทรศัพท์ของผู้กองซอใช่ไหมครับ]
“ครับ!
คือเรื่องมันค่อนข้างยาวนิดหน่อย แต่ผู้กองซอสั่งให้ผมโทรหาคุณครับ
ช่วยรีบมาด้วยนะครับ!”
[ครับ!
ผมจะรีบตามไปครับ!]
หลังจากวางสายแล้ว
แทยงก็เดินออกจากซอกตึกแล้วตรงไปยังที่เกิดเหตุทันที ร่างบางกวาดตามองไปรอบ ๆ
เพื่อหาผู้กองตัวสูงซึ่งต่อให้คนมุงดูเยอะแค่ไหนก็หาตัวได้ไม่ยาก พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนทำท่าทางลับๆ
ล่อๆ อยู่ไม่ไกลนัก
ดวงตากลมโตกวาดไปทั่วเพื่อสำรวจก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อโค้ท
“ทุกคนหมอบ!”
เด็กหนุ่มตะโกนบอกก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วจัดการล็อกแขนอีกฝ่ายไพล่หลังได้ในเวลาอันรวดเร็ว
สิ่งที่ผู้ชายคนนี้กำลังจะหยิบออกมาคือปืนตามที่ตัวเองได้คาดการไว้ เด็กหนุ่มใช้เท้าเขี่ยปืนออกไปให้พ้นทางก่อนจะดันตัวคนร้ายให้คุกเข่าลงกับพื้น
ด้านตำรวจหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่เขาอยู่ห่างจากตรงนี้พอสมควรจึงมาช้าไปเล็กน้อย
แต่เขาก็อดทึ่งไม่ได้ที่เด็กผู้ชายตัวผอมกะหร่องจะจัดการชายฉกรรจ์ที่รูปร่างห่างกันลิบลับขนาดนี้
“ฉันจะใส่กุญแจมือเขาไว้ก่อน
นายก็เฝ้าเขาไว้จนกว่าลูกน้องฉันจะมาถึงก็แล้วกัน ฉันขอเข้าไปดูข้างในต่ออีกแปบนึง”
ร่างสูงจัดการใส่กุญแจมือคนร้ายก่อนจะเก็บปืนกระบอกนั้นมาไว้กับตัวแล้วหันไปบอกเด็กหนุ่ม
“เดี๋ยวครับ!
แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บไหมครับ”
“ไม่...ผู้ชายคนนั้นยิงตัวเองตาย”
“วะ...ว่าไงนะครับ”
“ตามนั้น
นายคงไม่อยากเห็นสภาพศพหรอก อยู่นี่แหละ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
คนร้าย ว่ากันตามจริงแล้วผู้ชายคนนี้ยังไม่ใช่คนร้ายโดยสมบูรณ์
เรียกเขาว่าผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีน่าจะเข้าท่ากว่า จริง ๆ
เขาจะหนีตอนนี้ยังได้เพราะแค่โดนใส่กุญแจมือ ขาก็ยังวิ่งได้ ส่วนเด็กอย่างเขาคงทำอะไรไม่ได้ถ้าหากอีกฝ่ายคิดจะหนีจริง
ๆ ที่เข้ามาล็อกตัวไว้ได้ก็เพราะอาศัยจังหวะเผลอต่างหาก
“คุณตั้งใจยิงใคร”
“…หน้าตานายดูไม่เหมือนตำรวจนะ ฉันจะตอบก็ต่อเมื่อตำรวจถามเท่านั้น”
“คุณดูเหมือนโดนใครบางคนบังคับมา
ผมเห็นนะว่ามือคุณสั่นแถมหน้าตาคุณก็ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะหยิบมันออกมาด้วย
ถ้าคุณตั้งใจจะยิงใครสักคนจริง ๆ คุณคงไม่ลังเลแบบนั้น”
“...ฉันพูดกับนายได้เหรอ”
เขาหันมองซ้ายขวาราวกับกำลังดูว่ามีใครจับตามองพวกเราอยู่หรือเปล่า
หลังจากมั่นใจแล้วว่าเขาสามารถพูดตรงนี้ได้ ชายคนนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบถาม
“ได้แน่นอน
ถ้าคุณให้การอะไรที่เป็นประโยชน์แก่คดีคุณอาจจะไม่โดนจับเข้าคุกก็ได้”
“…นายพูดถูก ฉันไม่ได้ตั้งใจทำ แต่มีคนบังคับฉันมา
เขาเอาเรื่องงานและครอบครัวของฉันมาขู่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะยิงเขา”
“แล้วคุณตั้งใจจะยิงใคร”
“ก็นายตำรวจคนนั้นไงล่ะ”
“คุณหมายถึง...คนที่ใส่กุญแจมือคุณงั้นหรือ”
“ก็มีเขาเป็นตำรวจอยู่คนเดียวนี่
รู้ไหม...ถ้าฉันไม่ตายตอนนี้ ยังไงเร็วๆ นี้ฉันก็ต้องตายอยู่ดี
เพราะฉะนั้นช่วยปกป้องครอบครัวของฉันด้วย บอกเขาให้ปกป้องครอบครัวของฉัน”
“คุณบอกผมได้ไหมว่าใครสั่งคุณมา”
“ใครสักคนที่มีอิทธิพลมาก
แต่กลับกลัวตำรวจยศผู้กองอย่างเขา...ผมใบ้ให้อีกนิดเล็กน้อยว่าเป็นคนที่เขากำลังตามสืบเพื่อสาวตัวไปถึงอยู่
ผมรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงกลัว เพราะผู้กองคนนั้น...อ๊าก!!!”
“คุณ!!!”
เด็กหนุ่มตกใจก่อนจะเข้าไปประคองอีกฝ่าย
ชายคนนั้นดิ้นไปดิ้นมาและกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน
แต่เพียงไม่กี่อึดใจเขาก็สงบนิ่งลงพร้อมกับลมหายใจที่ถูกลิดรอนไปจนเกือบหมด
“ฝาก...ครอบครัว...ผมด้วย”
นั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ
แทยงไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เขาไม่รู้เลยว่าการตกอยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิตผู้อื่นนั้นควรทำตัวอย่างไร
เด็กหนุ่มประคองร่างไร้ลมหายใจไว้อย่างนั้นจนกระทั่งบางอย่างเรียกความสนใจจากเขาให้คืนสติกลับมา
แทยงเห็นรอยไหม้บางอย่างจากต้นคอด้านหลัง
เด็กหนุ่มพิจารณาก่อนจะเห็นว่ามันเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเท่าไมโครซิมการ์ดและมีสายเล็ก
ๆ คล้ายส่วนประกอบในสายไฟโผล่ออกมาจากผิวหนัง หลังจากนั้นร่างบางจึงเงี่ยหูฟังรอบ
ๆ ตัวก่อนจะได้ยินว่ามีคนกำลังโทรตามตำรวจและเรียกรถพยาบาลอยู่ เขาจึงใช้จังหวะนี้ดึงบางสิ่งออกมาจากหลังคอของผู้ตายและเก็บใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ผะ...ผมไม่รู้ครับ
ผมชวนเขาคุยไปเรื่อย แล้วจู่ๆ เขาก็ชักแล้วก็ไม่หายใจไปเลยครับ” ผู้กองยองโฮที่ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกก็รีบออกมาดูก่อนจะพบว่าผู้ต้องสงสัยรายใหม่กลายเป็นศพไปอีกหนึ่งราย
แต่ที่น่าแปลกใจคือเด็กคนนี้ดูไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่นักกับการที่มีคนตายต่อหน้า
คนปกติจะต้องร้องออกมาเพื่อให้คนอื่นเข้ามาช่วยดูแล้วแต่เด็กนี่กลับประคองร่างๆ
นี้เอาไว้เฉยๆ
แต่เขาต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
ยังไงก็ต้องได้สอบปากคำกันอยู่แล้วเพราะมีแค่แทยงเท่านั้นที่ได้คุยบางอย่างกับผู้ตาย
“ผู้กอง!
ผมมาแล้วครับ!”
“มาได้สักทีนะพวกมึง
นู้นพาฝ่ายชันสูตรไปตรงนู้นคนนึง รายนั้นฆ่าตัวตาย ส่วนรายนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ”
“มีคนตายถึงสองคนเลยหรอครับ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”
“ยังสรุปไม่ได้สักอย่าง
ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้วย ฉันไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อน อาจจะก่อเหตุครั้งแรก”
“…แล้วนี่ใครครับเนี่ย อย่าบอกนะว่านี่คือคนที่ผู้กองให้โทรไปหาผม”
“เออ
คนนี้แหละ...อยู่ข้างห้องฉันเอง เป็นนักศึกษาชื่อลีแทยง ส่วนนี่หมวดคิมโดยอง
แล้วไอ้ดงฮยอกไปไหน” เพราะไม่มีช่องให้แทรกพวกเขาจึงทำได้แค่พยักหน้าให้กันเบาๆ
ก่อนที่ผู้หมวดคิมจะหันไปตอบหัวหน้า
“ติดอีกคดีนึงอยู่ครับ
ว่าแต่นักศึกษาคุณอยากไปโรงพยาบาลไหม
ผมว่าคุณควรได้รับการตรวจสักหน่อยเพราะมีคนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาคุณเลย”
“...ก็ดีครับ
ฝากตัวด้วยนะครับผู้หมวด”
“ฉันไม่น่าพานายมาด้วยเลย
ขอโทษจริง ๆ”
“ไม่เป็นไรครับผู้กอง
เรื่องแบบนี้เราห้ามให้มันไม่เกิดไม่ได้นี่ครับ
ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกว่าอุบัติเหตุหรือครับ”
“น้องเขาก็พูดถูกนะครับผู้กอง”
“ไปดูตรงนู้นไป”
ผู้กองหนุ่มผลักหัวรุ่นน้องเป็นการไล่ก่อนจะหันมาถามแทยงหลังจากที่หมวดคิมเดิมออกไปแล้ว
“นายคุยอะไรกับผู้ตาย”
“นี่แหละครับที่ผมกำลังจะบอกผู้กองอยู่พอดี”
“เรื่องอะไร”
ผู้กองยองโฮดึงตัวเด็กหนุ่มออกมาให้ห่างไกลผู้คน
เพราะดูจากสีหน้าแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้นัก
“คุณคือเป้าหมายของผู้ชายคนนั้น
เขาตั้งใจจะยิงคุณ”
“ยิงฉัน?”
“ครับ
ผมคิดว่าเขาไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ยิงตัวตายในร้าน
เขาบอกกับผมว่ามีคนสั่งเขาให้มายิงคุณโดยเอาครอบครัวเขามาขู่
เขาขอให้คุณช่วยปกป้องครอบครัวของเขาด้วย ผมว่าคุณช่วยรีบตามให้หน่อยก็ดีนะครับ
ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ กลัวว่ามันจะไม่ทัน”
“แล้วเขาบอกเรื่องคนที่สั่งการมาไหม”
“เขาบอกว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่คุณกำลังจะสาวตัวไปถึง
มีอิทธิพลแต่กลับกลัวผู้กองอย่างคุณ เขาบอกผมมาว่าแบบนี้ครับ”
“...นายทำให้เขายอมคุยกับนายได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ
ผมก็แค่เห็นว่าเขาเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง เลยลองกระตุ้นดู แล้วเขาก็ยอมเล่าให้ผมฟัง”
“ฉันเริ่มคิดว่านายน่ากลัวแล้วนะ...หรือว่านายเรียนพวกจิตวิทยา”
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะครับแต่ผมเรียนวิศวะคอมฯ
แต่ว่าก็สนใจเรื่องการอ่านใจคนอยู่เหมือนกัน และผมคิดว่าตอนนี้คุณคงมีคนที่สงสัยอยู่ในใจแล้ว”
“เรียนจบแล้วสอบตำรวจได้เลยนะ
กองปราบต้องการคนฉลาดแบบนายอยู่”
“ฮ่ะๆๆ
เผอิญว่าผมไม่ค่อยชอบงานสายนี้สักเท่าไหร่น่ะสิครับ ผมชอบอยู่กับเทคโนโลยีมากกว่า
ถ้าให้ผมเป็นแฮกเกอร์ผมก็พอทำได้อยู่นะ”
“นั่นไม่ใช่อาชีพที่ดีนัก
แต่ตำรวจก็ต้องการแฮกเกอร์ฝีมือดีเหมือนกัน
เอาล่ะ...ฉันว่าฉันต้องไปดูที่เกิดเหตุต่ออีกสักหน่อย
ถ้ารถพยาบาลมาแล้วนายก็ไปพร้อมกับคนที่ได้รับผลกระทบอีกสองสามคนเลยนะ
ส่วนเรื่องการไปให้ปากคำฉันจะบอกนายอีกที”
“ผมไม่ได้อยู่ห้องตลอดเวลาหรอกนะครับ”
“อ้อ...กดเบอร์นายใส่โทรศัพท์ฉันไว้เลย
แล้วเมมไว้ว่าเด็กข้างห้อง”
“ชื่อผมแย่ชะมัด
คุณไม่คิดจะเมมชื่อจริงผมเลยหรือไง”
“ตอนนี้ฉันจำได้แล้วว่านายชื่อลีแทยง
จะเมมอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก เร็วเข้าสิ...ฉันต้องรีบไป”
“ครับๆ
ได้แล้วครับ” แทยงตอบรับเสียงยานก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ
ผู้กองหนุ่มบอกลาส่งท้ายก่อนจะวิ่งเหยาะๆ กลับเข้าไปในร้านอาหาร
ส่วนแทยงเองก็แสร้งทำเป็นเดินไปแถวๆ
รถพยาบาลก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาโดยอาศัยการแทรกตัวไปกับฝูงชน
ร่างบางเดินมาเรื่อย
ๆ ก่อนจะสำรวจรอบตัวว่าบริเวณนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากเขาจึงยกโทรศัพท์ขึ้น
กดโทรหาเบอร์ที่คุ้นเคยแล้วกรอกเสียงลงไปเมื่อปลายสายเอ่ยทักทาย
“มินฮยอง
ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”
[คุณหนู...ปกติเราจะปล้นกันอาทิตย์ละครั้งนะครับ]
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นสิ
ฉันหมายถึงเรื่องอื่น แต่เออ...ก็เกี่ยวมั้ง”
[งั้นคุณหนูมาที่บ้านได้เลยครับ
คุณท่านไม่อยู่...ไปสัมมนาต่างประเทศครับ]
“ดี
ฉันก็ไม่อยากเจอเขาเหมือนกัน”
[ว่าแต่คุณหนูจะให้ผมทำอะไรครับ
ผมจะได้เตรียมตัวรอไว้ก่อน]
“ภารกิจช่วยชีวิตคน”
[หา...คุณหนูเนี่ยนะ]
“ฉันมันทำไมฮะมินฮยอง
ฉันจะช่วยใครไม่ได้หรือไง”
[ผมกำลังจะบอกว่าคุณหนูเนี่ยนะ...จิตใจดีที่หนึ่งเลยครับ]
“แก้ไม่ทันแล้วล่ะ
เอาเป็นว่านายเปิดโทรทัศน์ไว้ก็แล้วกัน มันต้องมีออกข่าวสักช่องแหละ
คนตายถึงสองคนแบบนี้”
[หา!
นี่อย่าบอกนะว่าคุณหนู...]
“นี่
ช่วยมองฉันในแง่ดีหน่อยได้ไหมคุณมินฮยอง หน้าอย่างฉันจะไปฆ่าแกงใครได้”
[ครับ
คุณหนูก็แค่ขี่มอไซค์ป่วนเมืองไปวันๆ]
“โอ๊ย
ไม่อยากคุยกับนายแล้วโว้ย เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันเข้าไปที่บ้าน แค่นี้นะ”
[แฮะๆ
ครับผมๆ]
ร่างบางกดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
ผู้มีอิทธิพลคนไหนกันที่จะมากลัวนายตำรวจยศผู้กอง
ก็ยอมรับแหละว่าหมอนั่นเก่งพอตัว...ถึงจะจับเขาไม่เคยได้
แต่เรื่องอื่นไอ้ผู้กองกวนโอ๊ยนั่นไม่เคยพลาด
หรือแท้จริงแล้วซอยองโฮเป็นอะไรที่มากกว่าตำรวจ?
ไม่หรอก...ถ้าเป็นงั้นจริงก็ต้องจับฉันได้แล้วสิ...แบล็คโอเซลอตน่ะ
:)
//////////////
เธอมันร้ายยัยคุณหนู
#แบล็คโอเซลอต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น